หากเราพูดถึงว่านหางจระเข้ เราคงไม่ต้องแนะนำอะไรมากมาย เพราะเป็นพืชสมุนไพรไทยที่มีคุณประโยชน์อยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ หรือความงาม ผู้คนก็ใช้ว่านหางจระเข้มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แต่ภายใต้ประโยชน์ที่มากมายนี้ ว่านหางจระเข้ ก็ยังซ่อนผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นพวกเราควรทราบข้อมูลเหล่านี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานต่อไปค่ะ
ยางของว่านหางจระเข้
ในส่วนของยางของว่านหางจระเข้ ที่อยู่ใต้เปลือกสีเขียวนั้น มีหลายๆคนที่เกิดอาการแพ้ ไม่ว่าจะเป็นอาการอักเสบ, ปวดท้องเกร็ง และอาจจะส่งผลกระทบต่อระดับโพแทสเซียมในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ในการใช้งานของยางว่านหางจระเข้นั้นก็ยังมีประโยชน์อยู่เช่นกัน จึงต้องคำนึง และระมัดระวังในการใช้งาน
อาการแพ้เจลว่านหางจระเข้
ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์มากที่สุดคือส่วดกกกกวดกกนของวุ้น หรือเจลใสที่อยู่ในใบของว่านหางจระเข้ ซึ่งในบางคนที่มีอาการแพ้ ก็จะมีอาการผื่นคัน, บวมแดงในดวงตา, ผื่นลมพิษ หรือแผลไหม้ตามลำตัว ก็สามารถเกิดขึ้นได้ หากท่านเกิดอาการเหล่านี้หลังการใช้ว่านหางจระเข้ ควรหยุดใช้โดยทันที
ผลกระทบที่อาจเกิดกับปริมาณน้ำตาลในเลือด
ในการบริโภคว่านหางจระเข้นั้น อาจส่งผลในการลดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างฉับพลัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องเสียอย่างรวดเร็ว ทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบความสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย หากคุณเป็นเบาหวาน และคิดที่จะใช้ว่านหางจระเข้ในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ทุกครั้ง
ว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ
หากคุณมีอาการท้องเสียหลังจากการบริโภคว่านหางจระเข้ อาจจะส่งผลโดยตรงต่อความสมดุลของเกลือแร่ และปริมาณน้ำในร่างกาย ซึ่งหากคุณใช้ว่านหางจระเข้ในการระบายท้อง ควรที่จะระมัดระวังการสูญเสียน้ำด้วย
ว่านหางจระเข้กับหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
มีการค้นพบว่า ผู้หญิงตั้งครรภ์ และหญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตรนั้น ควรที่จะระมัดระวังในการบริโภคว่านหางจระเข้ เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ เช่นการกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก ซึ่งสามารถนำไปสู่ความยากในการทำคลอดด้วย
อาการไม่สบายท้อง
หลังจากการบริโภคน้ำว่านหางจระเข้ สำหรับใครหลายๆคนอาจจะเกิดอาการไม่สบายท้อง ซึ่งถือว่าเป็นอาการที่ปกติ โดยยางเหนียวของว่านหางจระเข้ สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ และอาการปวดเกร็งที่ท้อง แต่จะอาการจะหายไป และดีขึ้นอย่างเป็นลำดับ
