หลายคนอาจคิดว่า “อาบน้ำก่อนนอน” คือสิ่งที่ทำให้ร่างกายสะอาดที่สุดในแต่ละวัน แต่สิ่งที่อยู่ใกล้ใบหน้ามากที่สุดอย่าง “ปลอกหมอน” กลับอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคโดยที่เราไม่รู้ตัว
ล่าสุด แพทย์ผิวหนังจากประเทศญี่ปุ่นออกมาเตือนว่า หลังจากนอนเพียงคืนเดียว ปลอกหมอนอาจมีแบคทีเรียและไรฝุ่นสะสมได้หลายหมื่นตัว และถ้าไม่ได้ซักหรือเปลี่ยนเลยภายใน 7 วัน ปลอกหมอนจะมีเชื้อแบคทีเรียมากกว่าฝารองนั่งชักโครกถึง 17,000 เท่า

สกปรกได้ยังไง ทั้งที่เราก็อาบน้ำก่อนนอน?
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขอนามัยอธิบายว่า ระหว่างที่เรานอน ร่างกายจะขับเหงื่อ น้ำมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกมาตลอดคืน สารเหล่านี้จะซึมเข้าสู่ปลอกหมอนและที่นอนโดยตรง โดยเฉพาะในคนที่เหงื่อออกง่าย หรือมีผิวมันมาก
เมื่อเวลาผ่านไป น้ำมันและเหงื่อเหล่านี้จะเกิดการ “ออกซิเดชัน” ทำให้ปลอกหมอนกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียและไรฝุ่น ซึ่งอาจทำให้เกิดสิว ผิวอักเสบ ผื่นแพ้ หรืออาการแพ้ฝุ่นได้


ซักบ่อยแค่ไหนถึงจะพอ?
แพทย์แนะนำว่า แม้ไม่จำเป็นต้องซักทุกวัน แต่ก็ควรซักอย่างน้อย สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก
หากคุณมีลูกเล็ก ผิวแพ้ง่าย หรือมีสัตว์เลี้ยงบนเตียง ควรซักปลอกหมอนบ่อยกว่านั้น และควรตากแดดจัดหรืออบแห้งให้สนิททุกครั้ง เพราะความชื้นเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย

เคล็ดลับง่ายๆ ให้ปลอกหมอนสะอาดและปลอดภัย
เตรียมปลอกหมอนไว้ อย่างน้อย 2-3 ชุด เพื่อหมุนเปลี่ยนระหว่างสัปดาห์
ใช้ ผ้าขนหนูสะอาด ปูทับหมอน เพื่อซักเปลี่ยนได้ทุกวัน

หลีกเลี่ยงการใช้หมอนหรือผ้าในที่อับชื้น
เลือกน้ำยาซักผ้าที่อ่อนโยน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย
อย่าลืมว่า “ความสะอาดของหมอน” มีผลโดยตรงต่อผิวหน้าและสุขภาพโดยรวม การเปลี่ยนปลอกหมอนให้บ่อยขึ้นอาจช่วยให้คุณหลับสบายขึ้น — และตื่นมาพร้อมผิวที่ดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินเข้าคลินิก!
