พืชไม้อวบน้ำชนิดนี้ มีสรรพคุณทางยาที่เราใช้กันมาอย่างช้านานกว่าพันปีมาแล้ว และนอกจากคุณประโยชน์ที่มากมายแล้ว การเพาะปลูกก็แสนง่าย ยิ่งสภาพอากาศแบบประเทศไทยแล้ว ยิ่งเหมาะกับการเจริญเติบโตของว่านหางจระเข้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งทุกๆบ้าน ควรที่จะปลูกว่านหางจระเข้ไว้สักต้น เผื่อว่าเวลาจะใช้งาน จะได้มีไว้ใช้ทันท่วงที และในบทความนี้จะขอเสนอ 6 ประโยชน์จากว่านหางจระเข้ค่ะ
- คุณสมบัติด้านการต้านอนุมูลอิสระ, ยาปฏิชีวนะ, ต้านไวรัสและฆ่าเชื้อโรค
สารต้านอนุมูลอิสระนั้นมีความจำเป็นต่อร่างกาย เจลใสๆของว่านหางจระเข้นั้น มีคุณสมบัติที่เป็นสารต้านอนุมูลที่มีประสิทธิภาพ โดยมีสารที่เรียกว่า โพลีฟีนอล และสารโพลีฟีนอลนี้เองจะช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อต่างๆได้ และว่านหางจระเข้ยังมีคุณสมบัติด้านการเป็นยาปฏิชีวีนะ, ต้านไวรัส และการเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี และนี่ก็เป็นสาเหตุที่เรามักใช้ว่านหางจระเข้ในการสมานแผลต่างๆ
- ช่วยเร่งการสมานแผล
ผู้คนมักใช้ว่านหางจระเข้ในทางการแพทย์, ทาผิว มากกว่าการบริโภคโดยตรง ซึ่งในความจริงนั้น มีการใช้ว่านหางจระเข้มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะการรักษาแผลพุพอง และการไหม้จากแสงแดด
- ช่วยลดคราบพลัค (plaque) ในช่องปาก
ปัญหาฟันผุและโรคเหงือกนั้นเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไป และหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการลดปัญหาเหล่านี้คือการลดการก่อตัวของคราบพลัค, การก่อตัวของแบคทีเรีย หรือไบโอฟิล์มบนผิวฟัน ซึ่งจากการทดลองให้ผู้เข้าร่วมทดลองกลั้วปากด้วยน้ำที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ พบว่าปริมาณคราบพลัคในช่องปากของพวกเขาลดลงได้อย่างชัดเจน
- ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
เมือกใสของว่านหางจระเข้นั้น สามารถช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารเคลื่อนที่ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากใครที่มีปัญหาท้องผูก ควรที่จะบริโภคว่านหางจระเข้ เพื่อช่วยขับเคลื่อนระบบย่อยอาหารของคุณได้
- สามารถช่วยรักษาอาการของโรคผิวหนังและลดการเกิดริ้วรอย
จากงานวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ทาผิวด้วยเจลว่านหางจระเข้ ที่มีอายุ 45 ปีเป็นจำนวน 30 คน มีปริมาณการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และทำให้ผิวพรรณดูเต่งตึงขึ้น โดยว่านหางจระเข้นี้จะไปช่วยเรื่องความชุ่มชื้น ทำให้ผิวของคุณฟื้นฟูได้เป็นอย่างดี
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
หลายๆคนใช้ว่านหางจระเข้ในการรักษาโรคเบาหวาน เพราะว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพของฮอร์โมนอินซูลิน ที่ช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้